วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

keep your memory

ใช้เก็บความทรงจำในช่วงเวลานั้น นั้น
*หลีกเลี่ยงการเก็บในที่อุณหภูมิสูง มันร้อน













































วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

เขาบอกว่าผมเป็นดารา

เรื่องมันมีอยู่ว่าปี 2006 มีโอกาสไปออกบูธงาน nap ครั้งที่7 เชียงใหม่ ซึ่งจัดทุกปี
มีงานออกแบบที่เป็นงานแฮนด์เมดหลากหลาย น่าสนใจ เป็นเสน่ห์ของงานนี้
หลังจากงานผ่านไป ไม่กี่เดือน ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เสียงในสายหวีดร้อง
วุ่นวาย มีเสียงหนึ่งส่งผ่านมาว่า พี่ฮูก พี่ฮูก งานพี่อยู่ในหนัง รักแห่งสยาม นะ"
กี๊ด กรี๊ด เสียงพวกเธอกรีดร้องกันต่อ คือว่าช่วงงาน nap มีทีมงานหนัง รักแห่งสยาม
มาซื้องานไป เราก็ไม่รู้หรอกว่า มันจะไปอยู่ในหนัง แล้วช่วงนั้นกระแสหนังมันก็แรง
พอสมควร (ผู้กำกับเขาตาถึงน่ะ นะ)





วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

=ชีวิตที่ออกแบบได้ แบบสั้น


 เมืองในหุบเขา มีสายน้ำเล็กเล็กไหลผ่าน ผู้คน ชาวบ้านเป็นมิตร อยู่กันแบบพี่น้อง เป็นชีวิตของชาวบ้านที่อยู่นอกเมืองช่วยกันออกแรงทำสวนทำไร่กัน ตื่นมาตอนเช้าเห็นภาพแบบนี้เป็นภาพแรก มันทำให้สมองแล่นดีนัก กาแฟสักแก้ว อืม สูดหายใจลึ้กลี้ก ฮ้าา ชื่นใจ ไม่มีแปดโมงเช้า และห้าโมงเย็น อีกแล้ว ยินดีด้วยกับชีวิตที่คุณออกแบบเอง

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

ไม่อยากขายก็ต้องขาย

ช่วงแรกของการกลับมาทำงานศิลปะ ออกแบบ ตามใจสั่งมามันสนุกมากเลยเพราะเหมือนกับทำเล่น ทำตามใจเราเลย อยากใช้วัสดุอะไรก็จัดกันไป แต่ยังคงแนวคิดหรือคอนเซปท์ไว้ไม่งั้นมันไปเรื่อย




มีโอกาสไปขายที่ถนนคนเดิน เชียงใหม่ คนที่สนใจเป็นคนที่สะสมของที่เป็นนกฮูก บางคนก็ชอบเพราะว่ามันน่ารัก
มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่สนใจ การที่ได้ไปนั่งขายที่ถนนคนเดินได้สังเกตผู้คนที่เดินไปเดินมา พบว่า100%ของคนที่กำลังคุยโทรศัพท์แล้วมาจับมาดูงานเรา ..เขาไม่ซื้อ!!


งานที่ทำช่วงแรกแรก ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก ดิบดิบ แห้งแห้ง (ไม่งอก)*.*


วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

แปลกใจจริง

คือที่ปายเนี่ย หลังจากตัดสินใจมาอยู่ มันตื่นเต้นทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา
อยากรีบลุกขึ้นมาทำงานที่ชอบ จัดสวน ขี่จักรยานเก่าเก่า มองดู
ชาวบ้านไปนาไปสวน สูดอากาศที่สดชื่น มันทำให้สมองแล่นดี
แต่ไม่ต้องรีบ ไป เรื่อย เรื่อย ถึงจะมีเรื่องที่เป็นปัญหาอยู่ในหัว
มันก็ยังสดชื่นอยู่ เคยได้ยินคำว่า.. ตากอากาศ ..ใช่ไหม คือ
อยู่แล้วสบายใจ ที่นี่ เป็นอย่างนี้ (กับบางคน)


วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

ไฟติดแล้ว ต้องคอยเติมเชื้อไม่ให้ไฟดับ

งานชิ้นแรกที่ทำจากไม้ ตัด ขัด ประกอบ อยู่เป็นวัน คิดเรื่องสี เรื่องอารมณ์ คืออยากให้มันดูเหมือนมีชีวิต ปัจจุบันงานตัวแรกเก็บไว้อย่างดีไว้เป็นเชื้อคอยเติมให้ไฟลุก อยากทำงานชิ้นอื่นอื่นออกมาอีก ถ้ามีโอกาสมาดูได้ที่ร้าน

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร

ย้อนกลับไปนิดนึง ปี2005 หลังจากได้รับการชักชวนให้ร่วมงาน HouseArrest ที่Playground ทองหล่อ
เป็นงานที่รวมคนทำงานศิลปะ12คนมาทำงานในพื่นที่เดียวกัน(สนุกมาก)
วันเปิดงานมีฝรั่งผู้หญิงคนหนึ่งมาถามว่ามีงานที่ทำเป็นนกฮูกแบบนี้อีกไหมหรือมีร้านหรือไม่ประมาณนั้น
ก็ตอบไปว่าไม่มี จากคำถามนั้น มันวนเวียนอยู่ในหัวพักนึงซึ่งก็หลายวันอยู่ จึงเกิดเป็นเรื่องราวซึ่งจะนำมาสำแดงในโอกาสต่อไป


วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

จุดเริ่มของการเดินทาง

เคยไหม เคยออกแบบชีวิตว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรดี เลือกที่จะกิน นอน ทำงาน รัก และใช้ชีวิตบนโลกใบนี้
ตามใจเราโดยที่ไม่ต้องคิดว่าจะหาเงินมาซื้อ เคยใช้ชีวิตแบบนั้นเหมือนกัน ตามระบบระเบียบ แต่มัน
ขัดใจตัวเองนะ ชอบแบบสมัก่อนนะใครทำอะไรป็นก็เอามาแลกกันเหมือนเอาผ้ามาแลกไข่ ไม่ต้องใช้เงิน แต่มันก็ยากโลกมันเดินทางมาถึงจุดนี้แล้ว ...เอาเป็นว่า ทำตามใจเรา ทำชีวิตให้มันหนุกหนุกดีกว่า
เห็นคนที่เขาชอบงานที่เราทำเห็นรอยยิ้ม เขามีความสุข อาจเป็นช่วงเวลาสั้นนิดเดียว แต่เคมี ในตัวเราและตัวเขามันก็ได้ทำงานของมัน

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

จากความฝัน

ที่อยากจะมีสินค้าที่เราออกแบบเอง ผลิตเอง ทำแบบว่าไม่่อยากมีความกดดัน
ทำเพราะว่าเราชอบ อยากทำ เคยทำแบบรับออเดอร์ รู้สึกว่างานมันไร้วิญญาณ
มากเลย มีพลังถ่ายทอดลงไปมากบ้าง น้อยบ้าง เลยบอกกับตัวเอง พยายาม
จะไม่เป็นแบบนั้นอีก เรามันฝันเยอะ ทำน้อย แต่ก็ทำ
ถ้าใครที่มีความฝันแบบนี้ ทำไปนะเอาใจช่วย
ฝันแล้วได้ทำ มันมีความสุขนะ แต่ฝันแล้วไม่ทำเนี่ย มันก็ค้างอยู่ในหัวนั่นแหละ
แล้วร้าน ฮ นกฮูก ปาย หรือ owlishhouse ก็เริ่มต้น

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ทำไมต้องปาย

เห็นคำถามนี้บ่อยครั้ง ส่วนตัวแล้วมันเป็นความรู้สึกประทับใจ หลง ชอบ อยากอยู่ที่แบบนี้ ชอบ
ได้อยู่ที่ชอบที่ชอบ เรื่องมันก็.. มีอยู่ว่า

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

แบบว่า ฝันแล้ว ก็ทำทำซะ

การกระทำของเธอ อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่สิ่งสำคัญที่สุด ... อยู่ที่
เธอได้ลงมือทำมันแล้วต่างหาก
โดย มหาตมะ คานธี
 แล้วถ้าไม่ทำมันซะ มันก็จะตามหลอนเรา
ไปตลอดชีวิต